ยางล้อรถยนต์เป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อการขับขี่ จะมีดอกยางและมีร่องระหว่างดอก เพื่อช่วยยึดเกาะถนนและรีดน้ำขณะที่ถนนเปียก ป้องกันไม่ให้รถลื่นไถลเสียการควบคุม เมื่อใช้งานไปนานๆ ผิวหน้ายางจะสึก ดอกยางจะตื้นขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการเกาะถนนและรีดน้ำลดลง จึงต้องหมั่นตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ และเปลี่ยนยางใหม่เมื่อดอกยางสึกถึงระดับที่เกิดอันตรายหากฝืนใช้ต่อไป
.
การเช็กดอกยางและความลึกของร่องยาง ให้ดูที่สะพานยาง ซึ่งอยู่บริเวณร่องและแก้มยาง
หากความสูงของดอกยางลดลงจนถึงสะพานยาง แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์เส้นใหม่
.
หากนำรถยนต์ตรวจเช็กสภาพตามระยะเวลา ทางศูนย์จะเช็กยางด้วยเครื่องมือเฉพาะ และจะบอกได้ว่าสภาพยางรถยนต์ขณะนั้นสามารถใช้งานได้อีกนานแค่ไหน หรือถึงเวลาต้องเปลี่ยน
.
การวัดความลึกของร่องดอกยางด้วยเครื่องมือวัดกันในหน่วยของมิลลิเมตร ยางรถยนต์ใหม่มักจะมีความลึกร่องดอกยางประมาณ 7 - 9 มิลลิเมตร
ความลึกของร่องดอกยางจะบอกความสามารถการใช้งาน ดังนี้
# 8 มม. (หรือมากกว่า) คือ ยางรถยนต์ที่มีสภาพใหม่ ปลอดภัยแน่นอน
# 4-5 มม. ดอกยางสึกแล้วประมาณ 50% ยังใช้งานได้ แต่ต้องตรวจเช็กเป็นประจำ
# 3 มม. เป็นความลึกดอกยางที่ควรเปลี่ยน หากยังใช้อยู่ต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะมีโอกาสเกิดรถลื่นไถล ควบคุมยาก
# 1.6 มม. ยางหมดสภาพ ดอกยางหมดเกือบ 100% เป็นอันตรายอย่างมากหากยังไม่เปลี่ยน
.
ร่องดอกยางโดยปกติจะสึกเท่ากันทั้งเส้น หากสึกไม่เท่ากัน อาจเป็นเพราะเติมลมยางไม่เหมาะสม ศูนย์ล้อผิดปกติ หรือจากปัญหาอื่น ๆ ซึ่งควรนำรถเข้าศูนย์ตรวจสอบโดยช่างที่เชี่ยวชาญ